admin@phraefoodthailand.com

ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ อาหารจังหวัดแพร่


มะเต้า (แตงโม)

ชื่อสมุนไพร แตงโม
ชื่ออื่น ๆ /ชื่อท้องถิ่น บะเต้า (ภาคเหนือ), บักโต (ภาคอีสาน), แตงจีน, ลูกแตง (ภาคใต้), ซีกวย (จีน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ Citullus lanatus (Thumb). Matsum. & Nakai
ชื่อพ้องวิทยาศาสตร์ Citullus vulgaris S chard L.
ชื่อสามัญ Watermelon
วงศ์ CUCURBITACEAE
ลักษณะทั่วไปของแตงโม
แตงโม จัดเป็นพืชในวงศ์แตง (Cucurbitaceae) เป็นพืชล้มลุกประเภทไม้เถา ลำต้น หรือ เถามีสีเขียวปนเทามีขนสาก ๆ ขึ้นตามเถา และมีมือเกาะแยก 2-3 แขนง ใบเป็นใบเดี่ยวออกเรียงสลับบริเวณข้อของเถาใบมีลักษณะเป็นแบบนิ้วมือใบสากเล็กน้อย มีรอยเว้าลึก 3 รอยข้าง ๆ มีรอยเว้าตื้น ๆ ใบมีขนาดกว้าง 5-18 เซนติเมตร ยาว 8-20 เซนติเมตร และมีก้านใบยาว 3-12 เซนติเมตร
ดอก ออกเป็นดอกเดี่ยวแบบแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกเพศผู้ก้านดอกเล็กมีขนนุ่มขึ้นปกคลุม มีกลีบรองกลีบดอกติดกันเป็นรูประฆัง ส่วนปลายแยกเป็น 5 กลีบ มีขนอ่อนนุ่ม กลีบดอกมีสีเหลืองมี 5 กลีบ โคนเชื่อมกันมีเกสรเพศผู้ 3 อันสั้นๆ ส่วนดอกเพศเมียมีขนาดใหญ่กว่า รังไข่กลมมีขน ท่อรังไข่สั้น ปลายท่อมี 3 แฉก มีก้านดอกสั้น
ผล กลม หรือ ค่อนข้างกลมผิวเรียบหัวท้ายมนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 30 เซนติเมตร ผิวนอกสีเขียว หรือ สีเขียวอ่อน หรือ ลายสีเขียวอ่อนแก่สลับกัน เนื้อในผลเมื่ออ่อนมีสีขาวเมื่อแก่จะเป็นสีแดง หรือ เหลืองรสหวานฉ่ำน้ำและมีเมล็ดมาก ส่วนเมล็ดสีน้ำตาลดำรูปรีแบน ผิวเรียบ

คุณค่าทางโภชนาการ แตงโมนิยมรับประทานผลสด เนื้อมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก โพแทสเซียมและวิตามินต่าง ๆ โดยเฉพาะวิตามินเอ มีมากเป็นพิเศษในเนื้อสีแดง นอกจากนี้ยังมีสาร citrulline ซึ่งมีฤทธิ์ช่วยถอนพิษสุราได้ และมีเอนไซม์ที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหาร น้ำแตงโม ช่วยให้ร่างกายขับปัสสาวะได้ดี ช่วยล้างไตและกระเพาะปัสสาวะ บรรเทาอาหารผิวหนังแห้งกร้านอันเนื่องมาจากภาวะเลือดเป็นกรด เพราะกินเนื้อสัตว์ ของทอด ขนมหวาน อาหารแป้งขัดขาว และเครื่องดื่มพวกกาแฟหรือน้ำอัดลมมากเกินไป น้ำแตงโมจะช่วยไม่ให้ร่างกายสะสมกรดยูริก อันเป็นสาเหตุของการเกิดโรคไขข้อ และโรคเกาต์ ส่วนผลอ่อนนิยมนำมาประกอบอาหารคาว เช่น แกงส้ม แกงเลียง
เนื้อแตงโม 100 กรัม พลังงาน  30 กิโลแคลอรี, คาร์โบไฮเดรต 7.55 กรัม, น้ำตาล  6.20 กรัม, เส้นใยอาหาร  0.40 กรัม, ไขมัน 0.15 กรัม, โปรตีน 0.61 กรัม, น้ำ 91.45 กรัม, วิตามินเอ 28 ไมโครกรัม 3%, วิตามินบี 1 0.033 มิลลิกรัม 3%, วิตามินบี 2 0.021 มิลลิกรัม 1%, วิตามินบี 3 0.178 มิลลิกรัม 1%, วิตามินบี 5 0.221 มิลลิกรัม 4%, วิตามินบี 6 0.045 มิลลิกรัม 3%, กรดโฟลิก 3 ไมโครกรัม 1%, วิตามินซี 8.1 มิลลิกรัม 14%, ธาตุแคลเซียม 7 มิลลิกรัม 1%, ธาตุเหล็ก 0.24 มิลลิกรัม 2%, ธาตุแมกนีเซียม 10 มิลลิกรัม 3%, ธาตุฟอสฟอรัส 11 มิลลิกรัม 2%, ธาตุโพแทสเซียม 112 มิลลิกรัม 2%, ธาตุสังกะสี 0.10 มิลลิกรัม 1%
ตัวอย่างเมนูจากแตงโม
1. แตงโมโยเกิร์ตสมูทตี้
ส่วนผสมวัตถุดิบ
1. แตงโมแช่แข็ง                 ตามชอบ
2. โยเกิร์ตรสธรรมชาติ          1 ถ้วย
3. น้ำผึ้ง                           ตามชอบ

ขั้นตอนวิธีการทำ
เวลาเตรียมส่วนผสม: 5 นาที
เวลาปรุงอาหาร: 5 นาที
1. เตรียมส่วนผสมที่ใช้
2. ใส่ทั้งหมดลงขวด ปั่นให้เป็นสมูทตี้
3. เทใส่แก้วพร้อมดื่ม

2. แกงส้มเปลือกแตงโมกุ้งสด
ส่วนผสมวัตถุดิบ  สำหรับ 2 ท่าน
1. กุ้งสด                             2 ขีด
2. น้ำสะอาด                        4 ถ้วย
3. เปลือกแตงโม (หั่นชิ้นพอคำ)  300 กรัม
4. น้ำปลาดี                         3 – 4 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลปี๊บ                       3 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำมะขามเปียก3/4 ถ้วย
ส่วนผสมเครื่องน้ำพริกแกงส้ม
1. หอมแดง                           7 หัว
2. พริกแห้งเม็ดใหญ่ (ผ่าเอาเมล็ดออกแล้วแช่น้ำจนนุ่ม) 8-9 เมล็ด
3. เกลือ                               1/2 ช้อนชา
4. กะปิ                                1 ช้อนชา
5. เนื้อปลาต้ม(หรือเนื้อกุ้งต้ม)      1/4 ถ้วย

ขั้นตอนวิธีการทำ
เวลาเตรียมส่วนผสม: 15 นาที
เวลาปรุงอาหาร: 15 นาที
1. นำเครื่องน้ำพริกแกงส้ม มาโขลกรวมกันจนละเอียดดี (หอมแดง พริกแห้ง เกลือ กะปิ เนื้อปลาต้ม)
2. นำน้ำใส่ในหม้อ ตั้งด้วยไฟกลาง จนน้ำเดือด ใส่น้ำพริกแกงส้มที่โขลกไว้ลงไปต้ม
3. พอเดือดอีกที น้ำพริกส่งกลิ่นหอมดี ใส่เปลือกแตงโมที่หั่นเตรียมไว้ลงไป
4. ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะขามเปียก ชิมรสให้ได้ 3 รสกลมกล่อม
5. ใช้ไฟกลางเคี่ยว จนเปลือกแตงโมสุก (ประมาณ 10-15 นาที หรือจนเปลือกแตงโมออกใส)
6. จึงใส่กุ้งลงไป พอแกงส้มเดือดอีกที ก็ปิดไฟ ตักใส่ถ้วยเสิร์ฟได้เลยค่ะ
7. แกงส้มเปลือกแตงโมรสชาติอร่อย ให้รสสัมผัสคล้ายคลึงกับมะละกอ และรสชาติอร่อยไม่แพ้มะละกอ

3. วุ้นแตงโมผลไม้รวม

ส่วนผสมวัตถุดิบ
1. แตงโม                                     ½ ลูก
2. แคนตาลูปหั่นเต๋า                        ½ ถ้วยตวง
3. เมลอนหั่นเต๋า                            ½ ถ้วยตวง
4. สับปะรดหั่น                              ½ ถ้วยตวง
5. องุ่นไร้เมล็ด                              ½ ถ้วยตวง
6. สตรอว์เบอร์รีหั่น                        ½ ถ้วยตวง
7. แอปเปิ้ล                                  1 ลูก
8. เจลาตินผง                               3 ช้อนโต๊ะ
9. น้ำเย็นจัด                                ½ ถ้วยตวง

ขั้นตอนวิธีการทำ
1. เตรียมแตงโมนำแตงโมผ่าครึ่ง มาคว้านเอาเนื้อออกทั้งหมด ให้เหลือเพียงแค่เปลือกที่จะใช้เป็นภาชนะสำหรับใส่วุ้นผลไม้นำเนื้อแตงโมที่คว้านไว้ ไปใส่ใน เครื่องปั่นอเนกประสงค์กรองกาก แล้วปั่นเอาแต่น้ำแตงโมเพื่อไปทำวุ้น
TIP : การแยกกากออกจากน้ำแตงโมจะทำให้ได้วุ้นที่ใส และเนียนเป็นเนื้อเดียวกัน คว้านเนื้อแตงโมออกมานำเนื้อแตงโมมาปั่นกรองกากเอาแต่น้ำ
2. ทำวุ้นนำเจลาตินผงเทใส่ในนำเย็นจัด คนให้เข้ากันแล้วพักไว้ 3 นาทีนำน้ำแตงโมที่ปั่นไว้ เทลงในหม้อต้มให้เดือดแล้วใส่เจลาตินที่แช่น้ำไว้ลงไป คนให้ละลายเข้ากันดี แล้วตั้งพักไว้ให้หายร้อน
นำผงเจลาตินเทใส่น้ำเย็นจัด นำน้ำแตงโมและเจลาตินคนให้ละลายเข้ากัน
3. ประกอบร่างใส่แคนตาลูป เมลอน สับปะรด องุ่นไร้เมล็ด สตรอว์เบอร์รี และแอปเปิ้ล ลงในเปลือกแตงโมที่เตรียมไว้ แล้วนำน้ำแตงโมที่พักไว้เทใส่ลงไป นำเข้าตู้เย็นช่องปกติ ประมาณ 4-5 ชั่วโมง จนเซตตัว จึงนำออกมาหั่นเป็นชิ้น พร้อมจัดเสิร์ฟ!
ประโยชน์ทางโภชนาการของการรับประทานแตงโม
แตงโมเป็นแหล่งวิตามิน แร่ธาตุ และสารอาหารต่าง ๆ ที่ร่างกายต้องการ แถมยังประกอบด้วยน้ำ ประมาณ 91 เปอร์เซ็นต์ เมื่อรับประทานแล้วยังทำให้เราไม่ขาดน้ำอีกด้วย โดยแตงโมนั้นมีประโยชน์ทางโภชนาการดังนี้ ไลโคปีน (Lycopene) เป็นแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) ชนิดหนึ่งที่ไม่เปลี่ยนเป็นวิตามินเอ และยังสร้างสีแดง สีส้มและสีเหลืองในผักและผลไม้ การรับประทานอาหารที่มีไลโคปีนเป็นประจำยังยังช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วยวิตามินเอ (Vitamin A) มีความสำคัญต่อกระบวนการต่างๆ ในร่างกาย ช่วยในเรื่องระบบภูมิคุ้มกัน การมองเห็น และการทำงานของอวัยวะสำคัญ ๆ วิตามินซี (Vitamin C) เป็นสารต้านอนุมูลอิสระนี้จำเป็นสำหรับสุขภาพผิวและการทำงานของภูมิคุ้มกันซิทรูลีน (Citrulline) เป็นกรดอะมิโนชนิดหนึ่งที่พบในแตงโมซึ่งมีส่วนช่วยป้องกันโรคหัวใจโพแทสเซียมช่วยบำรุงระบบประสาทภายในร่างกายของเราช่วยลดการเกิดเหน็บชาและการเกิดตะคริว
ผลข้างเคียงจากการรับประทานแตงโมมากเกินไป

การรับประทานแตงโมที่พอดีควรทานอยู่ในปริมาณ 1 ถ้วยต่อวันหรือในปริมาณ 154 กรัม ซึ่งคนที่รับประทานแตงโมอาจมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเร็วเนื่องจากแตงโมมีดัชนีน้ำตาล (Glycemic Index: GI)  ประมาณ 72 และมีปริมาณน้ำตาลร้อยละ 2 ต่อน้ำหนัก 100 กรัม จึงควรเลือกรับประทานแตงโมควบคู่กับอาหารที่มีดัชนีน้ำตาลต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป และการรับประทานแตงโมอาจมีผลกระทบกับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอย่างโรคเบาหวาน อาจจะส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง และโรคภูมิแพ้ อาจจะส่งผลให้เป็นโรคลมพิษและระบบทางเดินหายใจมีปัญหาหรือหายใจลำบากได้ ดังนั้นเราควรรับประทานแตงโมให้พอดีกับความต้องการของร่างกาย



Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Search

About

อาหารล้านนาชวนให้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยที่ผสมผสานความเผ็ด เค็ม หวาน และเปรี้ยวได้อย่างลงตัว สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวล้านนาที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความอุดมสมบูรณ์

Tags

There’s no content to show here yet.

Gallery