
ข้าวหนุกงา
หลังฤดูกาลของการเก็บเกี่ยวข้าวของทางเหนือ โดยส่วนมากนิยมเพาะปลูกข้าวเหนียวกัน ได้ข้าวใหม่ไปเติมในยุ้งฉาง (หลองข้าว) และยังบ่งบอกว่าล่วงเข้าช่วงหน้าหนาวแล้ว อากาศหนาวเย็น ชาวบ้านมักนิยมก่อไฟผิงแก้หนาว จับกลุ่ม พูดคุย ในครอบครัว เพื่อนบ้าน บ้างล้อมวง นั่งจิบชา กาแฟ อาหารว่างนำมาแบ่งปันกัน และหนึ่งในเมนู ที่เป็นที่นิยมของชาวเหนือ คือ “ข้าวหนุกงา”
“ข้าวหนุกงา”“ข้าวหนึกงา” หรือ “ข้าวคลุกงา” ก็คือข้าวที่นึ่งเสร็จแล้วนำมาคลุกมานวดผสมกับงา ส่วนมากเป็นเมนูที่ชาวเหนือมักทำกินตอนเช้าๆ ของหน้าหนาว เนื่องจากเป็นช่วงหลังเก็บเกี่ยวข้าว แต่ละบ้านได้ข้าวใหม่สำหรับปีต่อไปไว้กิน และด้วยที่ว่านึ่งข้าวเหนียวทานเป็นอาหารหลักอยู่แล้ว ชาวเหนือมักแบ่งข้าวเหนียวที่นึ่งเสร็จแล้วพอประมาณ มาทำอาหารว่างกินแกล้มการสนทนา เมนู “ข้าวหนุกงา” จึงเป็นเมนูหนึ่งที่นิยม และเป็นเมนูที่ทำง่าย ไม่ยุ่งยาก
คุณค่าทางโภชนาการ ปริมาณสารอาหารในข้าวหนุกงา 100 กรัม พลังงาน 63 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 0.4 กรัม, ไขมัน 1.4 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 12.4 กรัม |
ส่วนผสมวัตถุดิบ 1. ข้าวสารเหนียว500 กรัม 2. งาขี้ม่อนคั่ว1/2 ถ้วย 3. เกลือสมุทร (ดอกเกลือ)2-3 ช้อนชา 4. งาขี้ม่อนคั่วโขลกใส่เกลือสมุทร (ดอกเกลือ)เล็กน้อยพอมีรสเค็มสำหรับคลุก |
ขั้นตอนวิธีการทำ 1. ข้าวสารเหนียว (นิยมข้าวเก็บเกี่ยวใหม่) แช่น้ำไว้ 1 คืน 2. ล้างข้าวที่แช่ไว้ออกให้สะอาด นึ่งข้าวเหนียวให้สุก ใช้ฟืน หรือถ่าน ข้าวยิ่งหอม 3. คั่วงาขี้ม้อน (ตากแห้ง) ด้วยไฟอ่อน โขลกให้ละเอียด กาด(ตลาด) เช้าทางเหนือ พอเข้าหน้าหนาว มีขายแบบสำเร็จ ทั้งแบบที่คั่วใหม่เป็นเม็ด หรือแบบที่โขลกละเอียด ราคา 10- 20 บาท 4. เตรียมภาชนะสำหรับคลุกเคล้า นำข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ กะปริมาณที่เราอยากทาน เตรียมพร้อม 5. เอางาขี้ม้อนที่โขลกละเอียดลงเอาคลุกเคล้ากับข้าวเหนียวที่เตียมไว้ ให้ทั่ว นวดให้เหมือนนวดแป้ง 6. ใส่เกลือลงไปในระหว่างนวดข้าว ให้ชิมไปด้วยเพื่อให้ความเค็มพอดี นวดจนเป็นเนื้อเดียวกัน (สามารถใส่เกลือไปพร้อมกับการโขลกงาได้) 7. นวดจนข้าวกับงาและเกลือเป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำใส่ถุงพลาสติกเก็บไว้ในไหข้าวเหนียว กระติกข้าวเหนียว เพื่อให้คงความอุ่นร้อนไว้ |
สรรพคุณของงาขี้ม้อน |
มีกรดไขมันที่ไม่อิ่มตัวสูง กรดนี้สามารถช่วยควบคุมระดับโคเลสเตอรอลไม่ให้มีมากเกินไป ป้องกันไม่ให้หลอดเลือดแข็ง ป้องกันโรคหัวใจและโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดบางชนิด งา มีแคลเซียมมากกว่าพืชผักทั่วไปถึง 40 เท่า มีฟอสฟอรัสมากกว่าพืชผักทั่วไปถึง 20 เท่า งา ยังเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินบี ช่วยแก้อาการไม่สบายต่าง ๆ ที่เกิดจากระบบประสาท เช่น นอนไม่หลับ อ่อนเปลี้ยเพลียแรง เป็นเหน็บชา ปวดเส้นตามตัว แขน ขา เบื่ออาหาร ท้องผูก เมื่อยสายตา ควรหันมารับประทานงาเป็นประจำ ที่สำคัญงายังเป็นอาหารต้านมะเร็งอีกด้วย นักวิทยาศาสตร์หลายท่านกล่าวว่า สาร “เซซามอล” (sesamol) ที่มีอยู่ในงานั้นป้องกันมะเร็งได้ และยังทำให้ร่างกายแก่ช้าลง
ความปลอดภัยในการรับประทานงาขี้ม่อน ปัจจุบัน มีหลักฐานสนับสนุนประโยชน์ของงาขี้ม่อนต่อการรักษาหรือป้องกันโรคต่าง ๆ อยู่จำกัดและระบุความปลอดภัยไม่ได้แน่ชัด การศึกษาเท่าที่มีพบว่าการรับประทานงาขี้ม่อนนานติดต่อกัน 8 เดือนไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงใด ๆ อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้เสมอ ส่วนการรับประทานงาขี้ม่อนในปริมาณปกติที่พบจากอาหารนั้นค่อนข้างปลอดภัยต่อผู้ที่มีสุขภาพแข็งแรง สำหรับหญิงตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานงาขี้ม่อน เพราะไม่พบข้อมูลยืนยันความปลอดภัยและผลข้างเคียงจากการใช้ จึงมีความเสี่ยงที่สารอาหารบางส่วนอาจส่งผ่านจากแม่ไปยังทารกในครรภ์หรือไหลผ่านน้ำนมได้ นอกจากนี้ การใช้งาขี้ม่อนหรือผลิตภัณฑ์จากงาขี้ม่อนกับผิวหนังอาจก่อให้เกิดอาการแพ้หรือผื่นขึ้นในบางราย หากมีอาการผิดปกติใด ๆ หลังการรับประทานหรือใช้งาขี้ม่อน ควรหยุดใช้ทันทีและไปพบแพทย์ |