
แกงผักเสี้ยว
| ผักเสี้ยว หรือเสี้ยวดอกแดง หรือชงโค นิยมนำยอดอ่อนมาแกงกับปลาแห้ง มะเขือเทศลูกเล็ก และมีวิธีการแกงเช่นเดียวกับแกงผักขี้ขวง ผักขี้เสียด แกงผักหวาน แกงผักเซียงดา (ประทุม อุ่นศรี, สัมภาษณ์, 25 มิถุนายน 2550) ผักเสี้ยว เป็นผักที่ชาวเหนือนิยมรับประทานมาก จะนำยอดใบอ่อนมาทำกับข้าว เช่น แกงผักเสี้ยวใส่ปลาย่าง แกงกับเนื้อ และนิยมแกงรวมกับผักชะอม ผักเชียงดา รสชาติอร่อยมาก นำมาเป็นผักลวกจิ้มน้ำพริก จะสัมผัสกับรสชาติ รู้สึกได้ถึงความหวาน และเชื่อว่าเป็นอาหารบำรุงร่างกายได้ดี เจริญอาหาร ฝีมือแกงผักเสี้ยวของชาวเหนือเป็นสุดยอดเมื่อได้ลิ้มรส |
| คุณค่าทางโภชนาการ เป็นพืชที่มีความสำคัญเป็นสมุนไพรรักษาคนได้ ใบแก่ ราก จะมีรสเฝื่อน แก้ไอ ใบอ่อนกินบำรุงร่างกายดอกมีรสเฝื่อนผสมสมุนไพรอื่นๆ รักษาไข้ ดับพิษไข้ เป็นยาระบาย รากนำมาต้มน้ำดื่มขับลมหรือโขลกผสมน้ำดื่มรักษาไข้ เป็นยาระบาย ดอก-แก่นรักษาโรคบิด หมอพื้นเมืองใช้กับหญิงอยู่ไฟ ใช้ถากเปลือกและรากทุบแช่น้ำข้าวสารเจ้า นำมาลูบหัวและขมับ หรือดื่มแก้ลม ในด้านคุณค่าทางอาหาร ผักเสี้ยว 100 กรัม หรือ 1 ขีด ให้พลังงานถึง 47 กิโลแคลอรีประกอบด้วยสารอาหารคาร์โบไฮเดรต 8.2 กรัม โปรตีน 34 กรัม ไขมัน 1.1 กรัม เส้นใย 1.8 กรัม แคลเซียม 46 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 31 มิลลิกรัม เหล็ก 0.3 มิลลิกรัม วิตามิน A, B1, B2, C และไนอะซิน |
| ส่วนผสมเครื่องแกง 1. พริกแห้ง 15 เม็ด 2. หอมแดง 3 หัว 3. ตะไคร้ 1 หัว 4. กระเทียม 10 กลีบ 5. ปลาร้าบด หรือ กะปิ 1/2 ช้อนโต๊ะ 6. เกลือ 1/2 ช้อนชา ส่วนผสมวัตถุดิบ 1. ยอดอ่อนผักเสี้ยว 2. ปลาแห้ง ชนิดใดก็ได้ 3. ชะอม |
ขั้นตอนการทำ
ขั้นตอนที่ 1 นำน้ำใส่หม้อแกงให้พอประมาณ แล้วนำไปตั้งไฟ จากนั้นนำเครื่องแกงใส่ลงไปในหม้อแกง แล้วคนน้ำในหม้อแกงให้พริกแกงละลายน้ำ
ขั้นตอนที่ 2 หลังจากนำเครื่องแกงใส่ลงไปในหม้อแกงเรียบร้อยแล้ว ให้รอจนน้ำเดือดเต็มที่ พอน้ำเดือดเต็มที่แล้ว ก็ให้นำวัตถุดิบสามอย่าง คือ ผักเสี้ยว ชะอม และ เห็นหูหนู ใส่ลงไปในหม้อแกงพร้อมกัน
ขั้นตอนที่ 3 เมื่อใส่วัตถุดิบทั้ง 3 อย่าง ดังกล่างลงไปเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้ทัพพีกด วัตถุดิบดังกล่าวให้จมลงไป แล้วรอไปอีกประมาณ 10 นาที หรือ รอจนวัตถุดิบต่าง ๆ สุก ระหว่างที่รอ ก็ลองชิมน้ำแกงว่า ขาดเหลืออะไรไปบ้าง ก็ปรุงรสตอนนั้นได้เลย








