
ลำไย
ลำไย ( Longan )
มีชื่อวิทยาศาสตร์ : Dimocarpus longan เเละ มีชื่อเรียกทางพื้นบ้านภาคเหนือว่า “บ่าลำไย” ชื่อภาษาอังกฤษว่า Longan อยู่ในวงศ์ Sapindaceae เป็นพืชไม้ผลเขตร้อนและกึ่งร้อน เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลาง ลำต้นสีน้ำตาล ออกดอกเป็นช่อ สีขาวครีม ผลทรงกลมเป็นช่อ ผลดิบเปลือกสีน้ำตาลอมเขียว ผลสุกสีน้ำตาลล้วน เนื้อลำไยสีขาวหรือชมพูอ่อน เมล็ดสีดำเป็นมัน เนื้อล่อนเม็ด
ผลไม้เพื่อสุขภาพชนิดนี้เป็นที่นิยมรับประทานอย่างมากในบ้านเรา โดยจังหวัดที่ปลูกมากที่สุดคือจังหวัดลำพูน สำหรับประเทศที่ปลูกมากที่สุดเห็นจะเป็นประเทศจีนที่มีการปลูกลำไยมาถึง 26 สายพันธุ์ แต่ที่นิยมปลูกในบ้านเราจะแบ่งออกเป็น 5 พวก ชนิดแรกคือ ลำไยกะโหลก ซึ่งเป็นพันธ์ุที่มีผลใหญ่ เนื้อหวานอร่อยซึ่งก็จะแบ่งแยกย่อยไปอีกหลายสายพันธุ์ เช่น สีชมพู อีดอ อีแดง อีดำ เป็นต้น ส่วนจำพวกที่ 2-5 ก็คือ ลำไยกระดูก ลำไยสายน้ำผึ้ง ลำไยเถา ลำไยขาว และลำไยธรรมดา
| คุณค่าทางโภชนาการ ลำไยสด 100 กรัม พลังงาน 73 กิโลแคลอรี, น้ำตาล 18 กรัม, โปรตีน 0.97 กรัม, วิตามินซี 69.20 มิลลิกรัม, แคลเซียม 5.70 มิลลิกรัม, ไขมัน 0.11 %, คาร์โบไฮเดรต 16.98 %, ใยอาหาร 0.28 % |
- สรรพคุณ
ใบ : รักษาริดสีดวงทวาร แก้ไข้มาลาเรีย หรือหากใครมีอาการหวัด ก็สามารถนำใบลำไย 10-15 กรัมมาต้มน้ำดื่มเป็นน้ำชา จิบแก้หวัดได้เหมือนกัน
ราก : ช่วยรักษาอาการช้ำใน แก้อาการตกขาว และช่วยขับพยาธิเส้นด้าย
ดอก : สามารถแก้นิ่ว และลดหนองได้
เนื้อ : ช่วยรักษาอาการนอนไม่หลับ ขี้หลงขี้ลืม ใจสั่น บำรุงหัวใจ บำรุงประสาท หรือหากนำเนื้อลำไยตากแห้ง 14 ชิ้น และขิง 3 แผ่น มาหั่นบาง ๆ แล้ว ต้มกินรวมกันก็จะช่วยรักษาอาการท้องเสียได้ ส่วนใครที่มีปัญหาร่างกายอ่อนแอ ในตำรับยาของแพทย์แผนไทยก็บอกให้นำเนื้อลำไยจำนวนพอประมาณมาดองเหล้าประมาณ 100 วัน แล้วทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือนำเนื้อลำไยแห้ง 10 กรัม มาผสมกับถั่วลิสง 15 กรัม แล้วนำไปต้มน้ำกิน ก็จะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น เพราะลำไยมีฤทธิ์เป็นยาบำรุงร่างกาย
เปลือก : แก้มึน ทำให้ตาสว่าง และลดรอยแผลเป็นในบริเวณที่น้ำร้อนลวกได้
เมล็ด : แก้ปวด ขับปัสสาวะ โดยนำเมล็ดลำไยที่นำเปลือกสีดำออกแล้วมาทุบ แล้วนำไปต้มกิน นอกจากนี้ยังช่วยห้ามเลือด รักษาอาการกลาก โดยแกะเปลือกสีดำของเมล็ดลำไยออกแล้วใช้เมล็ดลำไยไปถูกับน้ำส้มสายชู มาทาบริเวณที่เป็นแผล ขณะเดียวกันหากนำเมล็ดลำไยที่คั่วแห้งแล้ว มาบดเป็นผง แล้วชงน้ำกินครั้งละ 15-20 กรัม ก็จะช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหารและอาการลำไส้อักเสบได้
| ตัวอย่างเมนูจากลำไย 1. ข้าวเหนียวเปียกลำไย ส่วนผสมวัตถุดิบกะทิราด 1. หัวกะทิ 500 มิลลิลิตร 2. เกลือป่น 1 +¼ ช้อนชา 3. ใบเตยมัด 1 มัด ส่วนผสมข้าวเหนียวเปียกลำไย 1. เนื้อลำไยคว้านเมล็ดออก 850 กรัม 2. ข้าวเหนียวเขี้ยวงูใหม่ 250 กรัม 3. น้ำเปล่า 1400 มิลลิลิตร 4. น้ำตาลทราย 230 กรัม (ชอบหวานใส่ 250 กรัม) 5. เกลือป่น ½ ช้อนชา 6. ใบเตยมัด 1 มัด ขั้นตอนวิธีการทำ 1. ล้างทำความสะอาดลำไยให้สะอาด จากนั้นนำลำไยมาคว้านเม็ดออกด้วยช้อนกลาง หันมุมปลายเจาะและคว้านตัวเม็ดออกจนหมด 2. นำข้าวเหนียวมาล้างให้สะอาด ซาวน้ำจนน้ำใส พักไว้ 3. ตั้งกระทะใส่น้ำลงไป 1400 มิลลิลิตร ตามด้วยข้าวเหนียวที่เราล้างพักไว้ลงไป เปิดแก๊สใช้ไฟกลาง ใช้ไม้พายคนไปเรื่อย ๆ จนสุกใส คนไปในทางเดียวกัน พอน้ำเริ่มร้อนให้ใส่ใบเตยลงไปด้วย เพื่อเพิ่มความหอม 4. เมื่อข้าวเหนียวเริ่มสุก สังเกตว่าเม็ดข้าวเริ่มใส ให้ใส่น้ำตาลทราย และเกลือป่นลงไป ลดไฟอ่อน คนจนน้ำตาลทรายละลายดี 5. จากนั้นใส่ลำไยลงไป คนให้เข้ากันเล็กน้อย พอเริ่มเดือดก็ปิดแก๊สได้ จากนั้นทำน้ำกะทิ ด้วยการใส่หัวกะทิ เกลือป่น และใบเตยลงไปในหม้อ เปิดแก๊สใช้ไฟอ่อน 6. ทำการคนตลอดเวลา คนไปเรื่อย ๆ จนส่วนผสมเริ่มเดือด ก็ถือว่าใช้ได้แล้ว ปิดแก๊ส 7. ตักข้าวเหนียวเปียกใส่ชาม ราดด้านบนด้วยน้ำกะทิ เป็นอันเสร็จ เคล็ดลับน่ารู้ 1. กวนข้าวเหนียวด้วยไฟกลาง คนไปในทางเดียวกันและคนให้ถึงก้นกระทะ เม็ดข้าวจะไม่หักและไม่ไหม้ติดกระทะ 2. กวนข้าวเหนียวพอให้ข้าวสุกใส อย่าให้ข้าวเม็ดบาน สามารถชิมได้ว่าข้าวสุกนุ่มแล้วรึยัง จากนั้นจึงลดไฟอ่อนแล้วค่อยใส่น้ำตาลและเกลือ คนจนละลายดี เป็นเทคนิคทำให้ข้าวเหนียวไม่อืด 3. ใส่เนื้อลำไยลงไป พอเริ่มเดือด หอมกลิ่นลำไยก็ปิดแก๊สได้เลย 2. วุ้นลำไยแห้ง ส่วนผสมวัตถุดิบ 1. ผงวุ้น 25 กรัม 2. น้ำตาลทราย 8 ช้อนโต๊ะ 3. ลำไยอบแห้ง 15 กรัม 4. น้ำเปล่า 1 ลิตร 5. พิมพ์สำหรับเทวุ้น ขั้นตอนวิธีการทำ 1. ขั้นตอนแรกให้นำลำไยอบแห้งไปล้างน้ำให้สะอาด แล้วนำลำไยอบแห้งไปคั่วในกระทะให้หอม จากนั้นเทน้ำใส่ในหม้อแล้วนำลำไยอบแห้งใส่ลงไป แล้วยกขึ้นตั้งไฟ ต้มน้ำลำไยประมาณ 30 นาที ในการต้มให้ใช้ไฟปานกลางไม่ต้องใช้ไฟแรงมากให้ค่อย ๆ ต้มให้น้ำลำไยค่อย ๆ พองตัว จนน้ำเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตา 2. หลังจากต้มน้ำลำไย 30 นาทีแล้วก็ให้ปิดไฟ จากนั้นให้นำไปกรองเนื้อลำไยและน้ำลำไย กรองฝุ่นละอองออกให้หมด จากนั้นให้นำเนื้อลำไย กับน้ำลำไยใส่ในหม้อ แล้วนำผงวุ้นเทใส่ลงไปในน้ำลำไย แล้วคนให้ผงวุ้นละลายเป็นเนื้อเดียวกันไม่จับกันเป็นก้อน พอผงวุ้นละลายหมดแล้วก็ให้ยกขึ้นตั้งไฟ แล้วคนต่อไปเรื่อย ๆ อย่าให้วุ้นติดก้นหม้อ 3. พอผงวุ้นละลายแล้วก็ให้เติมน้ำตาลทรายลงไปคนให้น้ำตาลละลาย รอให้น้ำเดือดต่อประมาณ 20 นาทีก็ให้ปิดไฟ จากนั้นนำวุ้นลำไยเทใส่ในพิมพ์ หรือภาชนะที่เป็นอลูมิเนียม ตักทั้งเนื้อลำไยและน้ำลำไยใส่ในพิมพ์ แล้วพักให้เย็นประมาณ 2 ชั่วโมง วุ้นลำไยก็จะแข็งตัว หรือคุณผู้อ่านท่านใดชอบความรวดเร็วก็สามารถนำเข้าไปแช่ตู้เย็นได้เลย 4. หลังจากเวลาผ่านไป 2 ชั่วโมง วุ้นก็จะแข็งตัวเป็นรูปตามพิมพ์ จากนั้นให้แกะวุ้นออกจากพิมพ์จัดใส่ในจานพร้อมเสิร์ฟรับประทานเป็นเมนูของว่าง |
| กินลำไยแล้วร้อนใน แก้ได้อย่างไร เนื่องจากลำไยเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน เมื่อกินเข้าไปมาก ๆ จึงทำให้เกิดร้อนใน แต่เราสามารถแก้ร้อนในได้ด้วยการดื่มน้ำตามลงไป ไม่ว่าจะเป็นน้ำเปล่าธรรมดา หรือดื่มน้ำเกลือ (น้ำเปล่า 1 แก้ว ผสมเกลือ1/2 ช้อนชา) น้ำสมุุนไพร หรือจะกินผัก ผลไม้สดที่มีน้ำเยอะตามลงไปก็ได้ค่ะ นอกจากนี้บางคนอาจเลือกกินมังคุด เพราะมังคุดถือเป็นผลไม้เย็นที่สามารถดับร้อนได้ |
| โทษของลำไย ตามหลักโภชนาการแล้ว เราควรกินผลไม้ 4-5 ส่วนต่อวัน และผลไม้ที่เรากินก็ควรมีความหลากหลาย ดังนั้นเราจึงควรกินลำไยในปริมาณที่พอเหมาะและควบคู่ไปกับผลไม้อื่นด้วย คือควรกินลำไยไม่เกิน 1 ส่วนต่อวัน ซึ่งหากเป็นลำไยสดก็ประมาณ 6-10 ผล แต่หากเป็นลำไยแห้ง ควรทานเพียง 2-3 เม็ด เพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอและไม่มากจนเกินไป นอกจากนี้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน หรือมีอาการอาหารไม่ย่อย ท้องอืด ท้องเสีย เป็นหวัด และเจ็บคอ ควรหลีกเลี่ยงการกินลำไยด้วย เพราะถึงลำไยจะมีประโยชน์มากแค่ไหน แต่ก็จัดเป็นผลไม้รสหวานจัด เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลค่อนข้างสูง และจัดเป็นผลไม้ที่มีฤทธิ์ร้อน หากกิน มากไปอาจส่งผลไม่ดีต่ออาการป่วยที่เป็นอยู่ ทำให้เจ็บคอหรือเป็นร้อนในได้ |








