
มะขาม
ชื่อวิทยาศาสตร์ – Tamarindus indica L.
ชื่ออื่นๆ – มะขามไทย (ภาคกลาง), ขาม (ภาคใต้), ตะลูบ (โคราช), ม่วงโคล้ง (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี), อำเปียล (เขมร จังหวัดสุรินทร์)
ชื่ออื่นๆ (อังกฤษ) – Tamarind
ลักษณะทั่วไป
ไม้เขตร้อน มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปแอฟริกาแถบประเทศซูดาน ต่อมามีการนำเข้ามาในประเทศแถบเขตร้อนของเอเชีย และประเทศแถบละตินอเมริกา และในปัจจุบันมีมากในเม็กซิโก
เป็นไม้ยืนต้นขนาดกลางจนถึงขนาดใหญ่แตกกิ่งก้านสาขามากไม่มีหนาม เปลือกต้นขรุขระและหนา สีน้ำตาลอ่อน
ใบ – เป็นใบประกอบแบบขนนก (pinnately compound leaves) ใบเล็กออกตามกิ่งก้านใบเป็นคู่ ใบย่อยเป็นรูปขอบขนาน ปลายใบและโคนใบมน ประกอบ ด้วยใบย่อย 10–15 คู่ แต่ละใบย่อยมีขนาดเล็ก กว้าง 2–5 มม. ยาว 1–2 ซม. ออกรวมกันเป็นช่อยาว 2–16 ซม.
ดอก – ออกตามปลายกิ่ง ดอกมีขนาดเล็ก กลีบดอกสีเหลืองและมีจุดประสีแดง/ม่วงแดงอยู่กลางดอก
ผล – เป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 ซม. ฝักอ่อนมีเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือก เมื่อแก่ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด เนื้อมีรสเปรี้ยว และ/หรือหวาน ซึ่งฝักหนึ่ง ๆ จะมี/หุ้มเมล็ด 3–12 เมล็ด เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้ำตาลมะขามเป็นผลไม้มีผลเป็นฝักยาว รูปร่างยาวหรือโค้ง ยาว 3-20 เซนติเมตร ฝักอ่อนเปลือกสีเขียวอมเทา สีน้ำตาลเกรียม เนื้อในติดกับเปลือกเมื่อแก่ (maturity) เป็นประเภทผลแห้ง (dry fruit) ฝักเปลี่ยนเป็นเปลือกแข็งกรอบหักง่าย สีน้ำตาล เนื้อในกลายเป็นสีน้ำตาลหุ้มเมล็ด ซึ่งฝักหนึ่งๆ จะมีเนื้อหุ้มเมล็ดประมาณ 1-12 เมล็ด เมล็ดแก่จะแบนเป็นมัน และมีสีน้ำตาล
มะขามในประเทศไทยแบ่งกลุ่มได้เป็น 2 กลุ่ม คือ
มะขามเปรี้ยว (sour tamarind)
มะขามหวาน (sweet tamarind) ได้แก่ หมื่นจง สีทอง ศรีชมภู อินทผลัม น้ำผึ้ง
ลักษณะของฝัก
1. ฝักดาบ มีลักษณะฝักค่อนข้างแบนและโค้งเล็กน้อยคล้ายดาบ
2. ฝักฆ้อง มีลักษณะฝักโค้งวนมาเกือบจรดกัน มีลักษณะเหมือนฆ้องวง
3. ฝักดิ่ง มีลักษณะฝักเหยียดตรงค่อนข้างยาว
4. ฝักดูก มีลักษณะเป็นปล้อง ๆ ข้อถี่ เปลือกนูนขึ้นมาเป็นเหลี่ยมมองเห็นได้ชัดเจน
| คุณค่าทางโภชนาการของมะขามดิบต่อ 120 กรัม คาร์โบไฮเดรต 75 กรัม, วิตามินซี 4.2 มิลลิกรัม, โปรตีน 3.4 กรัม, น้ำตาล 46.6 กรัม, โซเดียม 34 กรัม, ไฟเบอร์ 6.1 กรัม, ไขมัน 0.7 กรัม, โพแทสเซียม 754 มิลลิกรัม นอกจากนี้ มะขามยังมีสารอาหารอื่น ๆ ที่สำคัญต่อร่างกาย เช่น วิตามินบี 1 วิตามินบี 3 แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก รวมถึงโพลีฟีนอล (Polyphenol) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมี หรือสารเคมีที่พบได้ในพืช มีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ จึงอาจช่วยป้องกันความแก่ก่อนวัย และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรังได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง |
| ตัวอย่างเมนูจากมะขาม |
1. น้ำพริกมะขามเปียกผัด
- ส่วนผสมวัตถุดิบ
- พริกแดง 25 เม็ด
- พริกแห้ง 5 เม็ด
- เนื้อมะขามเปียกประมาณ 200 กรัม
- กะปิอย่างดี 3 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลปี๊บ 3 ช้อนโต๊ะ
- กระเทียมไทยประมาณ 15 กลีบ
- หอมแดง 10 หัว
- ปลาย่างแกะเอาแต่เนื้อประมาณ 1 ถ้วย
- ตะไคร้ซอยบาง ๆ 1 ต้น
- น้ำมันพืช
- น้ำเปล่า
- เครื่องปรุงรส เกลือป่น น้ำปลา
| ขั้นตอนวิธีการทำ 1.โขลกหอมแดง กระเทียม ตะไคร้ซอย ให้พอเข้ากัน แล้วพักเอาไว้ก่อน 2.โขลกพริกแดงและพริกแห้งให้เข้ากัน หากใครชอบน้ำพริกแบบเนื้อเนียน ๆ ก็ให้โขลกแบบละเอียดไปเลย 3.เอากระทะตั้งไฟใช้ไฟอ่อนเอาหอมแดง กระเทียม ตะไคร้ที่โขลกเตรียมไว้ลงไปคั่วให้หอม จากนั้นใส่น้ำมันพืชลงไปพอประมาณแล้วใส่พริกขี้หนูที่โขลกเอาไว้ลงไปผัดให้เข้ากัน เติมน้ำเปล่าลงไปประมาณ 1 ถ้วยใส่เนื้อมะขามเปียกลงไปคนให้เข้ากันรอจนเดือด ตามด้วยใส่เนื้อปลาย่าง ผัดน้ำพริก 4.ใช้ไฟอ่อนต่อเนื่องค่อย ๆ ปรุงรสด้วยการใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ ชิมรสดูจากนั้นเติมเกลือป่น น้ำปลา ให้รสชาติออกเปรี้ยวนำ ตามด้วยรสเค็ม หวาน เผ็ด 5.ถ้าหากน้ำพริกแห้งเกินไปสามารถน้ำเปล่าลงไปเพื่อไม่ให้แห้งจนเกินไป ปล่อยให้เดือดอีกครั้งปิดไฟพร้อมรับประทาน 6.น้ำพริกมะขามเปียกผัดสามารถเก็บไว้ได้นาน แนะนำให้รอจนน้ำพริกคลายความร้อนจนมีอุณหภูมิห้อง แล้วจึงค่อยตักใส่ภาชนะที่แห้งสนิทปิดฝาให้เรียบร้อยแล้วนำไปเก็บไว้ในตู้เย็น หากจะนำมารับประทานในครั้งต่อ ๆไปให้ตักแบ่งออกมาแค่พอรับประทาน โดยเก็บภาชนะที่บรรจุน้ำพริกเอาไว้ในตู้เย็นเสมอ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถเก็บน้ำพริกไว้รับประทานได้อีกนานเป็นเดือน |
| ประโยชน์ของมะขาม มะขามประกอบด้วยสารอาหารหลัก วิตามิน และแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย โดยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประโยชน์ในการป้องกันโรค รักษาโรค และบำรุงสุขภาพของมะขาม ดังนี้ เสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก มะขามอุดมไปด้วยแมกนีเซียมที่เป็นแร่ธาตุสำคัญในการควบคุมระดับความดันโลหิต จังหวะการเต้นของหัวใจ และช่วยบำรุงดูก บำรุงระบบประสาทและสมอง มะขามมีวิตามินบีชนิดละลายน้ำที่ช่วยเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงาน ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย รวมถึงอาจช่วยบำรุงระบบประสาทและสมองด้วย ป้องกันการอักเสบ มะขามมีสารโพลีฟีนอล (Polyphenol) ที่เป็นสารประกอบจากธรรมชาติ มีคุณสมบัติช่วยต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงมะเร็ง มะขาม อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ที่ช่วยยับยั้งการเกิดภาวะเครียดออกซิเดชั่น และช่วยซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกอนุมูลอิสระทำลาย ทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง ได้ด้วย |
| ข้อควรระวังในการบริโภคมะขาม เนื้อมะขามมีแคลอรี่และน้ำตาลสูง หากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลให้น้ำหนักขึ้น จนเสี่ยงเกิดโรคอ้วนภาวะเมแทบอลิกซินโดรม (Metabolic Syndrome) หรือโรคอ้วนลงพุง โรคเบาหวาน เป็นต้น การนำมะขามไปประกอบอาหารเพื่อช่วยเพิ่มรสชาติให้อาหาร เช่น ใช้เพิ่มรสเปรี้ยวแทนมะนาว รวมไปถึงการรับประทานมะขามผลสดอาจไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพแต่อย่างใด |








