
ข้าวแต๋น
การทำข้าวแต๋นเกิดขึ้นจากไอเดียการถนอมอาหารของชาวบ้านพื้นเมืองภาคเหนือ เพื่อแปรรูปข้าวเหนียวนึ่งที่เหลือเป็นจำนวนมาก ทั้งจากการรับประทานในแต่ละวันและการถวายพระสงฆ์ในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา โดยนอกจากจะมีการนำมาอุ่นสำหรับรับประทานในวันถัดไปแล้ว ยังมีข้าวเหนียวที่เหลือมากพอที่จะสามารถแปรรูปเป็นของกินอย่างอื่นที่เก็บไว้ได้นานมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถพกติดตัวไว้คลายหิวระหว่างการเดินทางไกลหรือไปทำศึกสงครามในสมัยโบราณได้อีกด้วย ซึ่งข้าวแต๋นมักนิยมทำกันในเทศกาลปีใหม่เมือง หรือเทศกาลสงกรานต์ งานปอยลูกแก้ว และงานปอยหลวงของทางภาคเหนือ โดยมีกรรมวิธีคือ การนำข้าวเหนียวที่ผ่านการนึ่งสุกแล้ว นำมาคลุกเคล้ากับน้ำอ้อย น้ำตาล นำไปตากแห้งและนำมาทอดกรอบ แล้วราดด้วยน้ำอ้อยที่เคี่ยวจนข้นเหนียวลงไปที่หน้าข้าวแต๋น เพื่อเพิ่มความหวามกลมกล่อมและชูรสชาติของข้าวแต๋นให้มีมิติยิ่งขึ้น
ข้าวแต๋น เป็นขนมพื้นบ้านของคนไทยภาคเหนือทำจากข้าวเหนียว คลุกกับน้ำแตงโม น้ำกะทิ หรือ น้ำผลไม้อื่น ๆ แล้วขึ้นรูปเป็นแผ่นกลม จากนั้น นำไปตากแดดให้แห้ง แล้วนำมาทอดจนพองกรอบ ราดด้วยน้ำตาลที่ถูกเคี่ยวจนข้นเหนียว ทำให้มีรสชาติหวานหอม กรอบ อร่อย โดยปกติ มักใช้เป็นของว่างในการต้อนรับแขกในงานบุญ ทั้งนี้ หากเป็นแผ่นข้าว ทำจากข้าวเหนียวล้วน ๆ ด้านบนราดด้วยน้ำตาลเคี่ยว ไม่ได้คลุกกับน้ำผลไม้ หรือ น้ำกะทิ จะเรียกเป็นชื่อขนมอีกอย่างหนึ่งว่า ขนมนางเล็ดข้าวแตน หรือ ข้าวแต๋น หรือรังแตน หมายถึง อาหารว่างที่ทำจากข้าวเหนียวเป็นส่วนประกอบหลัก โดยนำข้าวเหนียวมาแช่น้ำนึ่งสุก คลุก อาจผสมกับส่วนประกอบอื่น เช่น น้ำแตงโม หรือน้ำผลไม้อื่น เกลือ น้ำอ้อย งา น้ำกระทิ แล้วทำให้เป็นแผ่นหรือรูปแบบอื่น ทำให้แห้งโดยใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ หรือจากแหล่งพลังงานอื่น ทอดให้พอง อาจปรุงแต่งหน้าด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น น้ำตาลมะพร้าวเคี่ยว หมูหยอง น้ำพริกเผา ในกรณีที่แผ่นข้าวทำจากข้าวเหนียวโดยไม่มีส่วนประกอบอื่นเป็นส่วนผสม และมีน้ำตาลเคี่ยวเป็นเครื่องปรุงแต่งหน้า เรียกว่า “นางเล็ด”
โดยชื่อ ข้าวแต๋น นั้นเป็นชื่อที่นิยมเรียกกันของคนภาคเหนือ ส่วนชื่อ นางเล็ด นั้นเป็นชื่อที่รู้จักกันดีของคนภาคอื่น ๆ ไม่นาน “ข้าวแต๋น” ก็ได้กลายเป็นสินค้าของกินและของฝากที่มีชื่อเสียงของทางภาคเหนือทำให้เหล่าแม่ค้ามีการพัฒนาสูตรการทำให้มีจุดเด่นด้วยการผสมน้ำแตงโมลงในข้าวเหนียว เพื่อช่วยเพิ่มกลิ่นหอมและรสชาติหวานอร่อย จนได้กลายมาเป็น “ข้าวแต๋นน้ำแตงโม” ที่ทุกคนรู้จักในปัจจุบัน รวมไปถึงการเนรมิตรหน้าข้าวแต๋นต่าง ๆ ให้มีความหลากหลาย อาทิเช่น ถั่วลิสง ถั่วเขียว งาดำ งาขาว สาหร่าย หมูหยอง ใบเตย และอื่น ๆ อีกมากมาย
ส่วนผสมวัตถุดิบข้าวแต๋น 1. ข้าวเหนียว 1 กิโลกรัม 2. น้ำแตงโมคั้น 250 มิลลิลิตร 3. น้ำตาลทราย 40 กรัม 4. เกลือป่น 3/4 ช้อนชางาดำคั่ว ตามชอบ ส่วนผสมน้ำเชื่อมราดข้าวแต๋น 1. น้ำตาลมะพร้าว 400 กรัม 2. น้ำตาลทรายแดง 100 กรัมเกลือป่น 1/2 ช้อนชา 3. น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ |
ขั้นตอนวิธีการทำข้าวแต๋น 1. นำข้าวเหนียวไปซาวน้ำให้สะอาด จากนั้น นำไปแช่น้ำให้ข้าวเหนียวนิ่ม 5 – 6 ชั่วโมง เสร็จแล้ว กรองน้ำออก พักให้สะเด็ดน้ำ 2. เตรียมซึ้งนึ่ง ต้มน้ำให้เดือด ห่อข้าวเหนียวด้วยผ้าขาวบาง ใส่ลงในซึ้งนึ่ง แล้วนึ่งข้าวเหนียวให้สุกด้วยไฟแรง ใช้เวลา 30 นาที เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักให้เย็น 3. นำแตงโมหั่นชิ้นใส่เครื่องปั่น ตามด้วยน้ำเปล่า ปั่นให้ละเอียด เสร็จแล้ว กรองเอากากใยออก ให้ได้แต่น้ำแตงโมเข้มข้น 4. ใส่น้ำตาลทราย เกลือป่น ลงในน้ำแตงโม คนให้ละลายเข้ากัน 5. เตรียมชามผสม ใส่ข้าวเหนียวลงไป ตามด้วย น้ำแตงโม คลุกเคล้าทุกอย่างให้เข้ากันดี แล้วพักทิ้งไว้ ให้ข้าวเหนียวดูดน้ำเข้าไป 2 – 3 นาที 6. ใส่งาดำคั่ว คลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้น เตรียมถาด ตักข้าวเหนียวใส่พิมพ์รูปวงกลมลงไป แล้วนำไปตากแดด 1 วัน 7. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันลงไป วอร์มน้ำมันให้ร้อนได้ที่แล้ว ใส่ข้าวแต๋นลงไป ทอดให้มีสีเหลืองกรอบ เสร็จแล้ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน |
วิธีทำน้ำเชื่อมราดข้าวแต๋น 1. ทำน้ำเชื่อมราดข้าวแต๋น โดยตั้งหม้อ ใส่น้ำตาลมะพร้าว น้ำตาลทรายแดง เกลือป่น น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะจากนั้น เปิดไฟอ่อน คนให้น้ำตาลละลายเข้ากัน แล้วเคี่ยวให้มีความข้นหนืดตามที่ต้องการ 2. พอน้ำเชื่อมข้นได้ที่และเดือดแล้ว ให้ปิดไฟ ตักน้ำเชื่อมราดข้าวแต๋น ให้สวยงาม เป็นอันเสร็จ |
สรรพคุณข้าวแต๋นงาดำ 1. มีแคลเซียมสูงมาก งาดำมีแคลเซียมเทียบเท่ากับนมวัว การรับประทานงาดำด้วยการเคี้ยวทั้งเมล็ด งาดำจะออกฤทธิ์ด้วยการทำละลายจากเอนไซมน์ไทยาลินในช่องปาก ในงาดำมีโปรตีน 16% 2. ย่อยง่ายสามารถเปลี่ยนเป็นกรดอะมิโนได้หลายหลากชนิด เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวัน 3. ทั้งมีแป้งชนิดที่เปลี่ยนเป็นน้ำตาลที่ร่างกายต้องใช้ โดยที่ตับไม่ต้องทำงานหนัก จึงลดความเสี่ยงโรคเบาหวานได้ มีวิตามินบีรวม ซึ่งหายากในอาหารชนิดอื่นที่จะมีกลุ่มวิตามินบีครบครันในอาหารเชิงเดี่ยว 4. มีโอเมก้าครบถ้วนอีก กากไยของงาดำช่วยในการขับถ่าย มีฤทธิ์ระดับกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกายได้ รวมถึงการต้านมะเร็งบางชนิด |