admin@phraefoodthailand.com

ยินดีต้อนรับสู่เว็บไซต์ อาหารจังหวัดแพร่


ข้าวหลาม

ประวัติและที่มาของ ข้าวหลาม สันนิษฐานว่า น่าจะเกิดมาจากประเพณีของคนไทยภาคเหนือและภาคอีสาน ที่นิยมบริโภคข้าวเหนียวเป็นอาหารมื้อหลัก  บวกกับคนในยุคโบราณมักจะสรรหาวิธีการทำขนมจากข้าว  หรือไม่ก็อาจจะเกิดจากชาวบ้านที่เข้าไปล่าสัตว์หรือเก็บของป่า  แล้วจำเป็นต้องค้างแรมในป่าเขา โดยไม่มีอุปกรณ์ในการหุงหาอาหาร จึงตัดกระบอกไม้ไผ่ มาเป็นภาชนะในการหุงข้าว ทำให้ข้าวมีความหอมจากเยื่อไผ่และจับตัวกับได้ดีมากขึ้น  ต่อมาจึงเกิดไอเดียปรุงแต่งรสชาติ  ตามวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นนั้นๆ  เช่น อาจจะเริ่มต้นด้วยการใส่เกลือลงไปในข้าว  ใส่น้ำตาลลงไป ใส่กะทิลงไป ฯลฯ จนกลายมาเป็นข้าวหลามในปัจจุบัน  ในยุคปัจจุบันข้าวหลามชื่อดัง อร่อยๆ ก็กลายเป็นของกิน ที่กระจายไปตามภูมิภาคต่างๆเช่น ข้าวหลามหนองมน จังหวัดชลบุรีเป็นต้น
ประเพณีพื้นบ้าน มักจะทำข้าวหลามกันในช่วงปลายฤดูฝนต้นหนาว ใกล้ๆออกพรรษา จนผ่านพ้นพรรษาไป 1 เดือนโดยประมาณ เพราะช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยวข้าวนาปี  จึงทำให้ได้ข้าวใหม่ซึ่งเพิ่มความหอมให้แก่ข้าวหลามมากเป็นพิเศษ  บวกกับต้นไผ่ที่เกิดใหม่ในช่วงต้นฤดูฝน ก็จะเติบโตและมีเยื่อที่เหมาะกับการทำข้าวหลาม  เพราะจะได้เยื่อไผ่ไม่แก่ ไม่เหนียวและไม่แข็งเกินไป   จึงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการทำข้าวหลาม  นอกจากนี้ช่วงออกพรรษาในภาคเหนือบางพื้นที่  ก็ยังมีประเพณีจุดบั้งไฟด้วย
ข้าวหลาม เป็นอาหารว่างชนิดหนึ่ง ที่ชาวล้านนานิยมทำรับประทานกันในฤดูหนาว หรือเมื่อได้ข้าวใหม่ ใช้ไผ่ข้าวหลาม หรือไม้ป้างเป็นกระบอกใส่ข้าวหลาม ข้าวหลามแบบชาวบ้าน ใช้ข้าวสารเหนียวกับน้ำเปล่า และเกลือเท่านั้น สำหรับข้าวหลามที่ทำขายกันโดยทั่วไป จะใส่น้ำกะทิ และเติมถั่วดำ หรืองาขี้ม้อน การทำข้าวหลามตามประเพณีนิยมของชาวล้านนา จะเป็นพิเศษ เพื่อถวายพระในวันเพ็ญเดือนสี่ หรือประมาณเดือนมกราคม ซึ่งเป็นการทานร่วมกับการทานข้าวจี่ และข้าวล้นบาตร

คุณค่าทางโภชนาการ ข้อมูลโภชนาการ, แคลอรี่, พลังงาน และสารอาหาร ใน ข้าวหลาม ในปริมาณ 12 มีพลังงานทั้งหมด 8778.2 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 136.3 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 1485.1 กรัม, ไขมัน 258 กรัม
ส่วนผสมวัตถุดิบ
1. ข้าวเหนียวขาว 2 ถ้วยตวง 2. กะทิคั้นสด 1 ถ้วยตวง
3. เกลือป่น 1 ช้อนชา 4. ถั่วดำต้มสุก ½ ถ้วยตวง
5. ใบเตย 15 ใบ 6. น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
7. กาบมะพร้าว 3 กาบ 8. กระบอกไม้ไผ่ 5 กระบอก
ขั้นตอนวิธีการทำ
1. ตัดไผ่ข้าวหลามให้ยาวประมาณ 12 นิ้ว ล้างเฉพาะด้านนอกกระบอก ให้สะอาด คว่ำกระบอกลง พักไว้ให้แห้ง
2. ผสมกะทิ น้ำตาล และเกลือ รวมกันแล้วคนให้เข้ากันจนน้ำตาลละลาย
3. ล้างข้าวสารให้สะอาดจนกระทั่งน้ำใส นำข้าวใส่ตระกร้าเพื่อให้สะเด็ดน้ำ ใส่ถั่วดำต้มสุกลงในข้าว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
4. นำข้าวที่ผสมถั่วดำแล้วใส่ลงในกระบอก 1 กำมือ กระแทกเบา ๆ ทำสลับกันต่อไปเรื่อย ๆ จนเต็มกระบอก เลือกด้านบนกระบอกไว้ประมาณ 2 นิ้ว สำหรับปิดจุก
5. เทน้ำกะทิที่ผสมแล้ว ใส่ลงไปในกระบอกข้าวทีละน้อย จนกระทั่งน้ำกะทิท่วมข้าว
6. พับใบเตยเป็นรูปสี่เหลี่ยม ปิดกระบอกข้าวหลาม แล้วนำกาบมะพร้าวม้วนเป็นทรงกลมมาปิดอีกชั้นหนึ่ง ทิ้งไว้ประมาณ 5- 6 ชั่วโมง
7. เผาข้าวหลามกับถ่านไม้ พอกระบอกเหลืองให้หมุนกระบอกข้าวหลาม ใช้เวลาประมาณ 30-45 นาที สังเกตกระบอกมีสีเหลืองทั่ว แสดงว่าข้าวหลามสุก
8. ทิ้งไว้ให้อุ่น ปอกเปลือก และเหลาให้เปลือกข้าวหลามบางลง เพื่อให้แกะรับประทานได้ง่าย
เคล็ดลับในการปรุง การเตรียมถั่วดำ ควรแช่ถั่วก่อนต้ม ประมาณ 2 ชั่วโมง การใส่ข้าวลงในกระบอกไม้ไผ่ ควรจะกระแทกกระบอกเบาๆ เพื่อให้ข้าวเกาะอยู่รวมกันและแน่นเต็มกระบอก ใส่กะทิลงไปในกระบอกข้าวหลามที่ละน้อย เพื่อไล่ฟองอากาศออกมาให้หมด จนกระทั่วน้ำกะทิท่วมข้าว และ ควรทิ้งไว้ 5-6 ชั่วโมง เพื่อให้ข้าวได้ดูดซับน้ำกะทิไว้ เพื่อให้ได้ข้าวหลามที่มีรสชาติอร่อย
เคล็ดลับในการเลือกส่วนผสม ควรเลือกข้าวใหม่ คุณภาพดี เมล็ดข้าวสวยไม่หัก ใช้ไผ่ข้าวหลามเท่านั้น ในการทำกระบอกข้าวหลาม เพราะด้านในกระบอกจะมีเยื่อไม้ เหมาะสำหรับการทำข้าวหลาม
ประโยชน์ข้าวหลาม ข้าวเหนียว

มีธาตุเหล็ก และกรดโฟลิก มีสรรพคุณในการสร้างเม็ดเลือด ทำให้เม็ดเลือดสมบูรณ์ นอกจากนี้ข้าวเหนียวยังอุดมไปด้วยวิตามินอี มีสรรพคุณ ช่วยป้องกันหลอดเลือดหัวใจตีบ ป้องกันปัญหาวุ้นนัยน์ตาเสื่อมได้นอกจากนี้ เป็นกลุ่มอาหารร่าเริง ทำให้สมองสงบ คลายเครียด กินแล้วจะรู้สึกผ่อนคลาย

ทำให้อิ่มท้องนานแต่ ไม่ควรกินเยอะจนเกินไป โดยเฉพาะผู้ที่เป็นเบาหวาน ที่อาจมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของระดับน้ำตาลในเลือดได้

กะทิ ได้มาจากการนำเนื้อมะพร้าวมาคั้นกับน้ำ โดยในการคั้นครั้งแรกจะได้น้ำกะทิที่เข้มข้นซึ่งเรียกกันว่า หัวกะทิ และการคั้นกะทิต่อมาหลังจากนั้นก็จะเป็น หางกะทิ ที่มีความเข้มข้นน้อยกว่า และอาจมีปริมาณไขมันน้อยกว่าด้วย ซึ่งมีแคลอรีสูง โดย 93 เปอร์เซ็นต์ ของแคลอรีมาจากกรดไขมันที่ดีต่อสุขภาพ นอกจากนี้ เนื้อมะพร้าวยังมีสารอาหารหลายชนิด เช่น วิตามินซี วิตามินอี วิตามินบี 1 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 รวมทั้งแร่ธาตุ เช่น ธาตุเหล็ก ซีลีเนียม โซเดียม แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส อย่างไรก็ตาม การคั้นทำให้น้ำกะทิสูญเสียวิตามินและแร่ธาตุบางอย่างไป รวมทั้งน้ำกะทิสำเร็จรูปที่มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ก็มีคุณค่าทางอาหารบางอย่างลดลงเมื่อเทียบกับน้ำกะทิคั้นสด



Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Search

About

อาหารล้านนาชวนให้ลิ้มลองรสชาติความอร่อยที่ผสมผสานความเผ็ด เค็ม หวาน และเปรี้ยวได้อย่างลงตัว สะท้อนวิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวล้านนาที่เรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความอุดมสมบูรณ์

Tags

There’s no content to show here yet.

Gallery