
ขนมศิลาอ่อน
“ขนมศิลาอ่อน” คือขนมไทยทางภาคเหนือมีลักษณะงหน้าตาสีและรสชาติใกล้เคียงกับ “ขนมเปียกปูน” แต่จะมีความแตกต่างกันที่เครื่องโรยหน้าขนม โดยขนมเปียกปูนจะใช้มะพร้าวโรยหน้า ส่วนขนมศิลาอ่อนจะใช้ถั่วโรยหน้าขนม และจุดแตกต่างที่เห็นได้ยังชัดเจนเลยคือส่วนผสมที่ใช้โดยขนมศิลาอ่อนจะมีส่วนผสมของน้ำกะทิอยู่ ส่วนขนมเปียกปูนไม่มีจึงต้องโรยด้วยมะพร้าวเพื่อเพิ่มความหอมมันเท่านั้นค่ะ ขนมศิลาอ่อน ทำมาจากแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวเหนียว แป้งถั่วมาผสมกัน รวมถึงส่วนผสมของน้ำเชื่อมและกะทิ บางพื้นที่เรียกว่า “ขนมสะละอ่อน” หรือบ้างเรียก “ขนมสาลาอ่อน” บางที่ก็เรียกง่ายๆว่า “ขนมถาด”
ซึ่งส่วนประกอบสำคัญอบ่างใบเตยหอม พืชที่คนไทยคุ้นเคย และนิยมนำมาประกอบอาหาร ขนมหวานโดยเฉพาะขนมไทย เช่น วุ้นกะทิ ขนมชั้น หรือจะแค่นำมาต้มกับน้ำเป็นน้ำใบเตย ก็ชื่นใจคลายร้อนเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยที่มีอากาศร้อนอบอ้าว และความจริงแล้วเตยหอมนั้นมีสรรพคุณเป็นยาบำรุงหัวใจและลดระดับน้ำตาลในเลือด เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานอีกด้วย
ข้อมูลโภชนาการ, แคลอรี่, พลังงาน และสารอาหาร ใน วุ้นกะทิ, ขนมศิลาอ่อนใบเตย ในปริมาณ 100g มีพลังงานทั้งหมด 133 กิโลแคลอรี่, โปรตีน 0.6 กรัม, คาร์โบไฮเดรต 20.5 กรัม, ไขมัน 5.4 กรัม โดยใบเตยหอม 100 กรัม จะให้พลังงาน 35 กิโลแคลอรี และยังมีคุณค่าทางโภชนาการอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น น้ำ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน แคลเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก เบต้า-แคโรทีน วิตามินบี 2 ไนอะซีน วิตามินซี |
ส่วนผสมสำหรับทำขนมศิลาอ่อน 1. ข้าวสารเจ้า 2 กิโลกรัม 2. แป้งท้าวยายม่อม 300 กรัม 3. น้ำปูนใส 20 ลิตร (ทำให้ขนมมีความยืดหยุ่น แต่ไม่ติดภาชนะ) 4. น้ำตาลทราย 5 กิโลกรัม 5. น้ำตาลปี๊บ 2 กิโลกรัม 6. ใบเตย 1 กิโลกรัม 7. กะทิคั้นแบบสด ๆ 14 ลิตร 8. ถั่วลิสงซอยโรยหน้าขนมสิลาอ่อน |
ขั้นตอนวิธีการทำขนมศิลาอ่อน 1. เริ่มจากเตรียมน้ำปูนใส โดยการหมักน้ำปูนใสไว้ก่อน 3 วัน เพื่อให้ได้ได้น้ำปูนที่ไม่หยาบและไม่มีปูนติด จากนั้นเก็บเอาน้ำปูนใสมาทำขนม โดยให้เตรียมน้ำปูนในประมาณ 20 ลิตร 2. เริ่มหมักข้าวสารเจ้าในน้ำปูนใสประมาณ 6 ชั่วโมง จากนั้นนำมาโม่เอาแป้งข้าวเจ้า แล้วพักเอาไว้ก่อน 3. นำใบเตยมาปั่นกับน้ำปูนใส แล้วคั้นเอาน้ำใบเตย (กรองด้วยผ้าขาวบาง) พักเอาไว้ก่อน 4. ผสมแป้ง โดยนำเอาแป้งข้าวเจ้า น้ำใบเตย และกะทิมาคนผสมให้เป็นเนื้อเดียวกัน 5. จากนั้นนำตั้งกระทะ แล้วนำแป้งที่ผสมทั้งหมดลงไปเคี้ยวในไฟปานกลาง จากนั้นปรุงรสด้วย น้ำตาลทรายและน้ำตาลปี๊บ แล้วเคี้ยวต่อประมาณ 2 ชั่วโมง หรือจนกว่าแป้งเหนียวหนืด 6. จากนั้นเทแป้งใส่พิมพ์ หรือถาด จากนั้นพักไว้ให้เย็น แล้วนำไปหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ และโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด |
ข้อควรระวัง |
มีรายงานจากวารสาร The American of Medical Association พบว่าน้ำตาลและระดับคอเลสเตอรอลมีความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กัน จากผลการศึกษาพบว่าคนที่ทานน้ำตาลมากจะมีระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีรวมทั้งไขมันอันตรายในปริมาณสูงเมื่อเทียบกับคนที่ทานนํ้าตาลน้อยสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะการทานนํ้าตาลมาก ๆ จะทำให้ร่างกายของเรากระตุ้นการทำงานของตับให้ผลิตคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีมากขึ้น และที่ร้ายแรงกว่านั้นก็คือเข้าไปยับยั้งการกำจัดคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีให้น้อยลงด้วย